1.ดาวฤกษ์
คือ ก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่ 99% เป็นHรองลงมาคือHeรวมตัวอยู่ในสภาวะสมดุลระหว่างแรงโน้มถ่วง
-ดาวฤกษ์ทุกดวงมีสมบัติเหมือนกันอยู่
2 ประการ
1.สร้างพลังงานได้ด้วยตัวเอง
2.มีวิวัฒนาการ
☺วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
-เกิดจากการยุบตัวของเนบิวลา
-ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย
มีความสว่างน้อย จะใช้เชื้อเพลิงน้อย จึงมีช่วงชีวิตยาวและจบชีวิตด้วยการไม่ระเบิด
-ดาวฤกษ์ที่มีขนาดใหญ่มวลมาก
แสงสว่างมาก ใช้เชื้อเพลิงมาก
จะมีช่วงชีวิตสั้นและจบชีวิตด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง เรียกว่า ซเปอร์โนวา (Supernova)
2.กำเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์
-เกิดจากการยุบรวมตัวของเนบิวลาด้วยแรงโน้มถ่วงของเนบิวลาเอง
ผลที่ตามมาคืออุณหภูมิจะสูงขึ้นจนถึง 15
ล้านเคลวินทำให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์กลายเป็นดวงอาทิตย์
ซึ่งปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์หาได้จาก E = mc^2
-ปัจจุบันดวงอาทิตย์มีอายุ 4600 ล้านปี เป็นดาวฤกษ์สีเหลือง นับจากปัจจุบันไปอีกประมาณ5000ล้านปี ดวงอาทิตย์จะมีอายุ10000ล้านปี
จะเปลี่ยนเป็นดาวยักษ์แดง
-ในช่วงท้ายจะยุบตัวเป็นดาวแคระขาว
3.ความส่องสว่างและโชติมาตรของดาวฤกษ์
•ความส่องสว่าง (Brightness) ของดาวฤกษ์เป็นพลังงานจากดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมาใน1วินาทีต่อหน่วยพื้นที่ ณ ตำแหน่งของผู้สังเกต
-ค่าการเปรียบเทียบความสว่างของดาวฤกษ์
เรียกว่า อันดับความสว่าง หรือ แมกนิจูด หรือ โชติมาตร ไม่มีหน่วย
-มีหลักว่าดวงดาวริบหรี่ที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นมีค่าโชติมาตร
6
และดาวสว่างที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นได้มีค่าโชติมาตร 1
-ดาวที่มีค่าโชติมาตรต่างกัน1 จะมีความสว่างต่างกัน 2.512
เท่า
-สมมติอันดับความสว่างต่างกัน
n จะสว่างต่างกัน 2.5 ยกกำลัง n เท่า
4.สีและอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์
-สีของดาวฤกษ์มีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิและช่วงอายุ
-ดาวฤกษ์ที่มีอายุน้อยจะมีสีน้ำเงิน
และอุณหภูมิผิวสูง ส่วนดาวฤกษ์ที่มีอายุน้อยมีสีแดงและมีอุณหภูมิผิวต่ำ
-จำระดับชนิดของสเปกตรัมง่ายๆว่า Ob Be A Fine Girl Kiss Me
5.ระยะห่างดาวฤกษ์
วิธีหนึ่งที่สำคัญคือการหาแพรัลแลกซ์ของดาวดวงนั้น
คือการสังเกตดาวเปลี่ยนตำแหน่ง 2 ครั้งในช่วงเวลาห่างกัน 6 เดือน
สูตร
การหาระยะทางด้วยมุมแพรัลแลกซ์
d = 1/p
d = ระยะทางถึงดวงดาว (distance) หน่วยเป็นพาร์เสค (pc)
p = มุมแพรัลแลกซ์ (parallax angle) หน่วยเป็นฟิลิบดา (arc second)
โดยที่ 1
องศา = 60 ลิบดา (arc minute), 1 ลิบดา = 60 ฟิลิบดา (arc second)
6.เนบิวลา แหล่งกำเนิดดาวฤกษ์
-เนบิวลา (Nebula) - เป็นกลุ่มผุ่นและแก๊สที่กระจายอยู่บริเวณกว้างใหญ่ที่มีความสว่างจากดาวฤกษ์เกิดใหม่
-ต้นกำเนิดของเนบิวลาคือสสารดั้งเดิมหลังจากการกำเนิดโมเลกุลของHและHeภายในกาแล็กซี
บางแห่งอาจเป็นซากที่เหลือจากการระเบิดของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่
-แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.เนบิวลาสว่างประเภทเรืองแสง
2.เนบิวลาสว่างประเภทสะท้อนแสง
3.เนบิวลาดาวเคราะห์
4.เนบิวลามืด
7.ระบบดาวฤกษ์
คือ ดาวฤกษ์กลุ่มเล็กๆ
จำนวนหนึ่งที่โคจรอยู่รอบกันและกัน โดยมีแรงดึงดูดระหว่างกันทำให้จับกลุ่มกันไว้
เช่น ดาวซีรีอัส ซึ่งเป็นดาวคู่ เป็นระบบดาวฤกษ์ 2
ดวง เคลื่อนรอบซึ่งกันและกันด้วยแรงโน้มถ่วง ดาวแอลฟาเซนเทารี เป็นระบบดาวฤกษ์ 3 ดวง ระบบดาวฤกษ์ที่มีดาวฤกษ์เป็นจำนวนมาก เราเรียกว่า
กระจุกดาว เช่น กระจุกดาวลูกไก่ ซึ่งมีดาวฤกษ์มากกว่าร้อยดวง กระจุกดาวทรงกลมเอ็ม 13มีดาวฤกษ์มากกว่าแสนดวง
สาเหตุที่เกิดดาวฤกษ์เป็นระบบต่างๆกัน เพราะเนบิวลาเนบิวลาต้นกำเนิดมีปริมาณและขนาดต่างๆกัน
8. มวลของดาวฤกษ์
มวลของดาวฤกษ์แต่ละดวงจะแตกต่างกัน
เพราะเนบิวลาที่ก่อกำเนิดเป็นดาวฤกษ์มีมวลไม่เท่ากัน
มวลจึงเป็นสมบัติที่แตกต่างกันของดาวฤกษ์
นักดาราศาสตร์สามารถหามวลของดาวฤกษ์ได้หลายวิธี เช่น
การใช้กฎเคพเลอร์ในการหามวลของดวงอาทิตย์ หรือ จากการสังเกตแสงจากดาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น